หินอ่อนคือ? ประเภทของหินอ่อน? สิ่งที่ต้องรู้ก่อนนำมาตกแต่งบ้าน
จากความชื่นชอบของผู้คนในอดีต ไม่ว่าจะเป็นเหล่าขุนนางหรือศิลปินที่มีชื่อเสียง ตลอดไปจนถึงเหล่าคนรักการตกแต่งบ้านในปัจจุบัน ทำให้หินอ่อนกลายเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมในการนำมาตกแต่งเพื่อสร้างความสวยงามให้แก่สถานที่ต่างๆ เนื่องจากเป็นหินที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้นมา จึงมีความสวยและสง่างามอันเป็นเอกลักษณ์ที่หาตัวเปรียบได้ยาก
เมื่อคุณลองสังเกตจะพบว่า หินอ่อนแต่ละชนิดต่างมีเรื่องราวซ่อนอยู่ภายใน สีสันและลวดลายที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะมองมุมไหนลวดลายเหล่านี้ยังคงความสวยงามและได้รับความนิยมจากผู้คนตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนใช้เวลาในการชื่นชมความงามของหินที่เกิดจากธรรมชาตินี้ ไม่ว่าจะนำไปตกแต่งภายในบ้าน พิพิธภัณฑ์ หรือจัดแสดงในงานนิทรรศการ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้เรื่องราวความเป็นมาของหินอ่อน สัญลักษณ์แห่งความสวยงามและความคลาสสิค ที่ถึงแม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไปก็ไม่อาจทำให้ความงามเหล่านี้จางหายไป
จุดเริ่มต้น หินอ่อนคืออะไร?
หินอ่อน มีจุดเริ่มต้นมาจากหินปูนหรือแคลเซียมคาร์บอเนต ที่มีผลึกแร่คัลไซต์เป็นส่วนประกอบหลัก เกิดการทับถมกันเป็นชั้น ประกอบกับความร้อนและแรงดันที่เกิดจากแมกมาของภูเขาไฟใต้ทะเล และปัจจัยสภาพแวดล้อมทางธรณีวิทยาอันหลากหลาย จนเกิดการประสานกันของผลึกภายในตัวหิน ทำให้หินมีลวดลายที่สวยงาม ประกอบด้วยเส้นสีสันต่างๆ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว หินอ่อนจึงเป็นหินที่สง่างามและได้รับความนิยมทั่วโลก ประเทศที่มีชื่อเสียงทางด้านความสวยงาม และความประณีตของหินอ่อน ได้แก่ ประเทศอิตาลี สเปน และกรีซ โดยใช้ชื่อเรียกหินอ่อนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละประเทศแตกต่างกันออกไป เช่น
หินอ่อนคาร์รารา (Carrara) ของประเทศอิตาลี
หินอ่อนวอลากัส (Volakas) คือ หินอ่อนสีขาวธรรมชาติผสานลายเส้นสีเทาที่ชัดเจนของประเทศกรีซ
หินอ่อนครีมมาเฟล (Crema Marfil) ของประเทศสเปน
บริษัท สยามตาก จำกัด ได้ทำข้อตกลง และรับสิทธิพิเศษนำเข้าหินอ่อนกับเหมืองแห่งเดียวกับที่ ไมเคิล แองเจโล ศิลปินผู้สร้างผลงานชิ้นสำคัญของโลกไว้มากมาย เลือกใช้ในการนำมาเป็นวัสดุสำหรับการแกะสลักผลงานช่วงที่ทำงานให้กับตระกูลเมดิซี เพื่อให้คุณลูกค้าได้รับหินอ่อนสวยงาม มีคุณภาพ และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ซ้ำใคร
ประเภทของหินอ่อน
หินอ่อนแบ่งออกเป็นหลัก ๆ 2 ประเภท คือ หินอ่อนธรรมชาติ และหินอ่อนเทียม/หินสังเคราะห์
1. หินอ่อนธรรมชาติ
คือหินอ่อนที่เกิดจากการทับถมของชั้นแคลเซียมคาร์บอเนต(หินปูน)เป็นหลักจนกลายเป็นหินอ่อนสีต่าง ๆ เช่น สีขาว เทา น้ำตาล ชมพู เขียวผสมขาว ฯลฯ แต่อาจจะมีปัจจัยทางธรณีวิทยาอื่น ๆ จึงทำให้เกิดผลึก และลวดลายต่าง ๆ ไปตามแต่ละพื้นที่ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้หินอ่อนในแต่ละประเทศมีลวดลายที่ไม่เหมือนกัน เช่น ประเทศอิตาลีก็จะดังในเรื่องของหินสีขาวต่าง ๆ หรือประเทศบราซิล ก็จะมีหินที่มีสีสด ๆ ดูสวยงามไปอีกแบบหนึ่ง นอกจากนี้ลวดลายของหินธรรมชาติจะไม่มีการซ้ำกัน มีการขยับของลวดลายไปเรื่อย ๆ ในแต่ละแผ่น ทำให้มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่มีทางเหมือนกันแบบ 100%
2. หินอ่อนเทียม/หินสังเคราะห์
เป็นหินที่ถูกมนุษย์ทำขึ้นมาเพื่อเลียนแบบหินอ่อนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เน้นไปที่ลวดลายสวยงาม และมีราคาที่ถูกกว่า โดยประกอบด้วยเศษของหินอ่อน 75% - 90% และ 10% - 24% ของเรซิ่น โพลีเมอร์ และสีสังเคราะห์ เพื่อให้ได้ลวดลายและสีที่ใกล้เคียงกับหินอ่อนธรรมชาติมากที่สุด แต่ด้วยส่วนผสมของหินอ่อนเทียมที่มีหินอ่อนธรรมชาติเป็นส่วนผสมหลักจึงทำให้ความแข็งแรงจะมีค่าใกล้เคียงกับหินอ่อน โดยมีค่าความแข็งของโมสอยู่ที่ระดับ 3 เท่านั้น และลายของหินจะมีเพียงแค่บนหน้าหินเพราะเกิดจากสีสังเคราะห์ และในแต่ละบล็อกจะมีลวดลายที่เหมือนกันทุกแผ่น หากท่านใดสนใจหินสังเคราะห์สามารถเข้ามาหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ใน หินสังเคราะห์คืออะไร? หรือไปดูลวดลายของหินได้ที่หน้า หินสังเคราะห์
ลักษณะของหินอ่อน สุทนทรียศาสตร์ “ความงามของหินอ่อน”
สีสันต่างๆ ที่ปรากฏบนหินอ่อน ทั้งสีแดง ฟ้า เขียว น้ำตาล ดำและขาว เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความบริสุทธิ์ของเนื้อหิน โดยหินอ่อนสีขาวเป็นหินอ่อนที่ถือว่ามีความบริสุทธิ์มากที่สุด เนื่องจากแทบไม่มีแร่อื่นเจือปนอยู่เลย
เมื่อมีแร่อื่นเจือปนอยู่ในหินปูนระหว่างการตกผลึก จะทำให้เกิดลวดลายและสีสันต่าง ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ สวยงามและนุ่มนวล ที่สำคัญแร่ต่าง ๆ เหล่านี้ ยังเป็นตัวสร้างสีสันให้กับหินอ่อนอีกด้วย เช่น แร่เหล็กออกไซด์ทำให้หินอ่อนกลายเป็นสีชมพู แดง หรือน้ำตาล ในขณะที่แร่ไมกา ควอตซ์ และเหล็กออกไซด์ในอัตราส่วนที่แตกต่าง จะทำให้หินอ่อนกลายเป็นสีเทา ขาว หรือแดงเข้ม
อย่างไรก็ตามความบริสุทธิ์ไม่ใช่สิ่งที่บ่งบอกถึงคุณภาพ ความงาม หรือราคาของหินอ่อนเสมอไป สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือลวดลายและสีสันที่แต่งแต้มบนตัวหินอ่อน ที่ทำให้ตัวหินมีเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัว ถึงแม้กาลเวลาจะผ่านไปแต่ความงามของหินอ่อนยังคงสร้างความประทับใจให้แก่ผู้คนทั่วโลกมาหลายศตวรรษ
ข้อดี - ข้อเสีย ของหินอ่อน
อีกหนึ่งสิ่งที่เราจำเป็นจะต้องรู้ก็คือข้อดีและข้อเสียของตัวหินอ่อน เพื่อให้เรารู้ถึงข้อดี จุดเด่นของตัวหินอ่อนว่าเหมาะกับจุดไหนบ้าง และข้อจำกัดของตัวหินอ่อนว่าเราสามารถนำไปใช้อย่างไรได้บ้าง
ข้อดี
- เป็นวัสดุที่เพิ่มมูลค่าให้แก่อสังหาริมทรัพย์ เพิ่มความหรูหราและโดดเด่น ดูดีตามสไตล์ยุโรป
- สีสันและลวดลายที่สวยงามตามธรรมชาติ เพิ่มความมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครให้กับที่อยู่อาศัย
- มีคุณสมบัติดูดซับความเย็น ทำให้บ้านเย็นยิ่งขึ้น
- ติดตั้งได้ไม่ยาก สามารถติดตั้งได้ทั้งแบบแห้งและแบบเปียก
- มีความทนทาน มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน (เพราะตัวหินอ่อนจะไม่มีการผุ การกร่อน หรือบวม และไม่ขึ้นสนิม หินอ่อนเพียงแค่จะมีการเปลี่ยนสี แต่สามารถทนทานได้เป็นเวลากว่า 100 ปีเลย สังเกตได้จากสถานที่โบราณหรือพระราชวัง ที่มีการเลือกใช้งานหินอ่อนทั้งภายในและภายนอก)
- หินอ่อนเป็นวัสดุที่ไม่ก่อให้เกิดเพลิงหรือไม่ลามไฟ
ข้อเสีย
- ไม่เหมาะกับพื้นที่การติดตั้งภายนอก เนื่องจากแดดและฝนอาจจะทำให้สีของหินซีดลงได้
- ต้องหมั่นดูแลรักษา (แนะนำให้มีการทาน้ำยากันซึมก่อนการติดตั้ง และขัดเคลือบผิวเป็นประจำ)
- ไม่ทนกรด อาจจะทำให้เกิดรอยด่างได้ถ้าโดนกรด
- หินอ่อนมีนำหนักต่อตร.ม. ที่ค่อนข้างสูงทำให้ต้องมีการทำโครงสร้างเพื่อรองรับหินโดยเฉพาะ
การนำมาประยุกต์ใช้
หินอ่อนถูกนำมาใช้โดยเหล่าศิลปิน สถาปนิก นักออกแบบภายใน และผู้คนมากมายทั่วโลก เพื่อแสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ในงานศิลปะของพวกเขา งานประติมากรรมเป็นหนึ่งในงานศิลปะที่นิยมนำหินอ่อนมาแกะสลักโดยเฉพาะหินอ่อนสีขาว “หินอ่อนคาร์รารา (Carrara)” ผลงานที่ออกมาจะมีความนุ่มนวลและคงทน เนื่องจากโครงสร้างและองค์ประกอบของหินอ่อนสีขาว มีปริมาณผลึกแร่คัลไซต์ค่อนข้างต่ำ แสงจึงสามารถผ่านตัวหินได้เล็กน้อย เผยให้เห็นถึงความมันเงาอันเป็นเอกลักษณ์ เปรียบเสมือนมอบชีวิตให้ตัวงานศิลปะ
นอกจากนี้ก็มีสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย ต่างนำหินอ่อนเข้ามาใช้ในการตกแต่ง และสถานที่บางแห่งยังนำหินอ่อนมาก่อสร้างเป็นโครงสร้างทั้งหมด ดังเช่น อนุสาวรีย์วอชิงตัน สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ในกรุงโรม ฯลฯ
นอกจากหินอ่อนจะสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในงานสถาปัตยกรรมและประติมากรรมต่างๆ ได้แล้ว หินอ่อนยังสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งภายในบ้านของคุณได้เช่นกัน โดยยังคงความคลาสสิค และความสง่างามที่ลงตัวไว้ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของเคาน์เตอร์ครัวสำหรับคนที่รักการทำขนม การนำหินอ่อนมาตกแต่งภายในครัวจะให้ความรู้สึกสบาย และสะอาดตาแก่ผู้ใช้งาน สร้างบรรยากาศในการทำขนมให้มีความสุขมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการตกแต่งได้อีกหลากหลายจุด เช่น
- อ่างล้างจาน
- ไอส์แลนด์
- พื้น
- ผนัง
- บันได
- ห้องน้ำ
- ท็อปโต๊ะ
- เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ
และพื้นที่อื่น ๆ ภายในบ้าน ก็สามารถนำหินอ่อนมาใช้ได้เช่นกัน สร้างเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ และความน่าหลงใหลให้ทุกพื้นที่ภายในบ้าน แล้วคุณจะพบว่าบ้านของคุณน่าอยู่ไม่เหมือนใคร